เพื่อช่วยให้เราได้รับรู้ถึงอานุภาพของกลิ่นปากชนิดต่างๆ เช่น กลิ่นกระเทียมหรือหัวหอม ด้านล่างนี้เป็นบันทึกที่คัดมาจาก the International Federation of Competitive Eating พร้อมคำอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมอาหารเหล่านี้ก่อให้เกิดกลิ่นปาก
หัวหอม Eric Bookerทำลายสถิติสำหรับหัวหอมในปี ค.ศ. 2004 โดยการรับประทานหัวหอม 8.5 ออนซ์ซึ่งมากกว่าครึ่งปอนด์ ภายในเวลา 1 นาที ตามที่หนังสือชื่อ สารระเหยในอาหารและเครื่องดื่ม (VCFB) เขียนไว้ว่า หัวหอมมีสาร dimethyl sulfide จำนวนมาก สารซัลเฟอร์ที่ในพืชตระกูลหัวหอมจะทำให้ปากของคุณมีกลิ่นเหม็น กลิ่นฉุนของหัวหอมสามารถทำให้น้ำตาไหลได้ หัวหอมประกอบไปด้วย syn-propanethial-S-oxide ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ต่อมน้ำตาทำงาน
หน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่งประกอบไปด้วยสาร dimethyl sulfide เหมือนหัวหอมซึ่งเป็นหนึ่งในสารซัลเฟอร์ระเหยได้พบในกลิ่นปาก สารVanillin and 1,2-dithiacyclopenteneอาจส่งกลิ่นเหม็นเขียวตามที่
VCFB รายงาน ในปี ค.ศ. 2008 แชมเปี้ยนกินฮอทด็อก Joey Chestnut กินหน่อไม้ฝรั่งเกือบ 9 ปอนด์ภายใน 10 นาที
กระเทียม พืชตระกูลหัวอย่างเช่นหัวหอม กระเทียมอาจเป็นหนึ่งในตัวการที่ร้ายแรงที่สุดในการสร้างกลิ่นปาก กระเทียมประกอบไปด้วยเมโลกุลซัลเฟอร์ระเหยได้ 10 ตัวซึ่งส่งกลิ่นผ่านทางท่อต่างๆในร่างกาย โมเลกุลกลิ่นในกระเทียมคือ allyl methyl sulfide ซึ่ง VCFB กล่าวว่ากระเทียมมีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว นักแข่งกินอย่าง Pete Davekos กินกระเทียมมากกว่า 7 ปอนด์ในปี ค.ศ. 2005 ภายใน 5 นาที
เนื้อสัตว์ อาหารคาวที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และเครื่องเทศสามารถทำให้เกิดกลิ่น ปากรุนแรงได้ เนื่องจากโมเลกุลระเหยได้ของไขมันที่พบในเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ บันทึกของ Gyros เขียนว่าPatrick Bertoletti กินแฮม 10 ปอนด์ครึ่งภายใน 10 นาที Seaver Miller กินเบอร์เกอร์เกือบ 3 ปอนด์ในเวลา 5 นาที หรือบันทึกการกินเนื้อสัตว์ล่าสุดอย่าง Joey Chestnut กิน พายและขนมปังพร้อมกันภายใน 8 นาที
ไม่มีใครอยากทุกข์ทรมานกับการมีกลิ่นปากรวมถึงนักแข่งกินผู้ทรหดด้วย คุณสามารถขจัดแหล่งอาหารให้เหล่าแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นปากได้ด้วยการแปรง ฟันเพื่อขจัดเศษอาหาร หลังจากนั้นบ้วนปากด้วยผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นปากที่ช่วยลดสารซัลเฟอร์ได้